กฎ 5 ข้อของทักษะการพูด (5 Speaking Rules)

ผมได้โหลดแอพของคุณ Phan Phuoc Luong ซึ่งรวบรวมคลิปเสียงของรายการ 6 Minute English – for BBC Learning English มา ซึ่งในนั้นมีบทความเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการพูด (Speaking) จึงอยากแปลมาให้อ่านเพราะคิดว่าค่อนข้างเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับคนกำลังเริ่มพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านนี้ (รวมถึงภาษาอื่นซึ่งนำไปปรับใช้ได้ครับ คิดว่าเป็นหลักการเดียวกัน) โดย 5 ข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับการพูดภาษาต่างประเทศ คือ

(1) Don’t study grammar too much

ข้อแรกคือพยายามอย่าเน้นแกรมม่า (ไวยากรณ์) มากเกินไปในช่วงแรก โดยเขาให้เหตุผลว่า ถ้าคุณต้องการสอบผ่าน แกรมม่าสำคัญ แต่ถ้าคุณอยากเก่งภาษาอังกฤษ (become fluent in English) ช่วงแรกให้เรียนโดยอย่าพึ่งเน้นไวยากรณ์ เพราะมันจะทำให้คุณพูดได้ช้าลงและสร้างความสับสน  คุณจะคิดเกี่ยวกับกฎหรือรูปแบบของประโยคแทนที่จะพยายามฝึกพูดอย่างเป็นธรรมชาติ (เขาเสริมว่าขนาดเจ้าของภาษา – native speakers เองยังไม่มีใครจำไวยากรณ์ได้แม่นและครบขนาดนั้น ในขณะที่กลุ่มคนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง หรือ “ESL” (English as a second language) กลับกลายเป็นคนที่รู้ไวยากรณ์เป๊ะ ๆ มากกว่า พราะฉะนั้น เขาคิดว่าถ้าอยากจะใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพแบบเจ้าของภาษาในการสื่อสาร อย่าเน้นไวยากรณ์จนเกินไป

คนเขียนบทความนี้อธิบายว่า ขนาดเขาที่เป็นเจ้าของภาษาเอง (native speaker) เรียนเกี่ยวกับวรรณคดีอังกฤษ และสอนอังกฤษมาเกินสิบปี จากประสบการณ์ของเขากลับพบว่านักเรียนส่วนใหญ่พยายามจำรายละเอียดไวยากรณ์เกือบทุกอย่าง ในขณะที่คนที่พูดอังกฤษเป็นภาษาแม่เองเวลาถูกถามไวยากรณ์ก็มีไม่เยอะที่ตอบถูก (อารมณ์ลองนึกภาพเราโดนถามแบบต้องตอบทันทีว่า ประโยคความรวมหรืออเนกรรถประโยค ต่างจากประโยคความซ้อนหรือสังกรประโยค อย่างไร แฮ่)

(2) Learn an study phrases

เขาให้ข้อสังเกตว่า คนที่เรียนภาษาอังกฤษส่วนใหญ่พยายามจำความหมายของคำศัพท์ (vocabulary) เป็นคำ ๆ แล้วพยายามผสมคำเพื่อสร้างประโยค ซึ่งบางคนจะมีคลังคำศัพท์ในหัวค่อนข้างมากแต่จะประสบปัญหากับการสร้างประโยคที่มีความหมายถูกของ เหตุผลก็เพราะ พวกเขาไม่พยายามจำกลุ่มคำที่เป็นวลี (phrases) เช่น very happy, start slowly, think outside the box, freedom of expression ในขณะที่เด็ก ๆ เวลาฝึกจำและพูด เด็กจะพยายามเรียนรู้ทั้งคำและวลีไปพร้อมกัน การรู้แค่ความหมายเป็นคำ ๆ จะทำให้คุณยุ่งยากในการสร้างประโยคที่ถูกต้องและเป็นธรรมชาติของภาษานั้น ๆ ยิ่งเข้าใจวลีมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งทำให้เราสร้างประโยคที่ถูกต้องได้แบบทบต้น ดังนั้น พยายามอย่าเสียเวลาไปหลายชั่วโมงในการจำศัพท์ต่าง ๆ พยายามเรียนวลีต่าง ๆ แล้วค่อยจำความหมายศัพท์แทน เพราะเน้นการจำวลีจะทำให้เราสร้างสร้างประโยคไปพร้อมกันได้ด้วย

Don’t translate : เมื่อเราต้องการสร้างประโยคในภาษาอังกฤษ อย่าทำการแปลภาษาไทยมาเป็นภาษาอังกฤษ หรือคิดคำไทยก่อนแล้วค่อยคิดคำภาษาอังกฤษ คุณจะใช้คำศัพท์ผิดและสร้างประโยคผิด ควรทำให้มันเป็นอัตโนมัติ (โดยวิธีหนึ่งนั้นก็มาจากข้อ (2) คือเมื่อเราจำวลีได้แล้ว การสร้างประโยคก็จะง่ายขึ้น)

(3) Reading and Listening is NOT enough. Practice Speaking what you hear!

การอ่าน การฟัง และการพูดเป็นทักษะที่สำคัญในทุกภาษา แต่ถ้าต้องการจะใช้ภาษาอังกฤษอย่างเชี่ยวชาญ สำหรับเด็กพวกเขาจะเรียนรู้การพูดก่อน แล้วตามด้วยการอ่านและเขียน เพราะฉะนั้นธรรมชาติของการพัฒนาทักษะหรือเรียนรู้ภาษาใด ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ต้องเริ่มจาก ฟัง -> พูด -> อ่าน -> เขียน (listening – speaking – reading- writing)

ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นคือโรงเรียนจะสอนภาษาคุณโดยเริ่มจากการอ่าน แล้วเขียน แล้วฟัง สุดท้ายค่อยให้พูด แม้ว่าด้วยลักษณะของ ESL จะทำการเรียนภาษาที่สองโดยการอ่านแล้วพยายามเข้าใจมัน แต่ถ้าอยากให้การเรียนภาษาเป็นธรรมชาติ คุณต้องกลับมาเริ่มที่ฟัง พูด อ่าน แล้วค่อยเขียน และการพูดภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพคุณจะต้องฝึกฝนด้วย เพราะฉะนั้นเวลาฟัง ให้พยายามพูดด้วย พูดออกมาให้ปากและสมองทำงานไปพร้อมกัน

(4) Submerge yourself

การพูดภาษาอังกฤษให้ได้ดี ไม่เกี่ยวกับความฉลาด ใคร ๆ ก็สามารถเรียนรู้ภาษาต่าง ๆ และใช้มันได้ การจะใช้ภาษานั้นได้ดี โดยลองเทียบกับการเรียนรู้ภาษาไทย นั่นก็เพราะคุณแวดล้อมด้วยภาษาไทย คุณฟังและพูดเป็นประจำทุกวัน เพราะฉะนั้นสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคุณ จงพยายามทำให้รอบตัวคุณมีแต่ภาษาอังกฤษ พูดภาษาอังกฤษ (เช่น ตกลงกับเพื่อนว่าจะพูดอังกฤษด้วยกัน) ฟังคลิปเสียงหรือซีรียส์เพื่อเรียนรู้การสร้างประโยคและการใช้ภาษาอังกฤษในความเป็นจริง การสร้างสิ่งรอบตัวให้เป็นอังกฤษจะพัฒนาตัวคุณให้เรียนรู้ภาษาได้ไวขึ้น

(5) Study correct material

แม้ว่าการฝึกฝนจะช่วยพัฒนาหลายสิ่งได้ แต่คุณจะต้องฝึกฝนให้ถูกต้องถูกวิธีด้วย ถ้าคุณฝึกจากสิ่งที่ผิด เช่น สร้างประโยคผิด คุณก็จะฝึกฝนการใช้ภาษาที่ผิดตามไป ดังนั้น จะต้องฝึกฝน (practice makes perfect) และเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง (correct material) ไปพร้อมกัน

ปัญหาอย่างหนึ่งในการเรียนรู้ทักษะการพูด นักเรียนส่วนใหญ่ในช่วงแรกจะฝึกจากข่าวซึ่งมีลักษณะเป็นทางการและสุภาพเกินไปซึ่งไม่ได้ใช้ในชีวิตจริง ซึ่งจริง ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญแต่ยังไม่ใช่ในช่วงแรก ควรจะพัฒนาในช่วงหลังที่ผ่านการเริ่มภาษาอังกฤษพื้นฐานไปแล้ว

การเรียนรู้ภาษากับเพื่อนที่ไม่ใช่ native speaker มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การฝึกฝนไปด้วยกันช่วยพัฒนาอุปนิสัยและทำให้เราได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษ แต่อาจเป็นการฝึกฝนที่ทำให้จำไปแบบผิด ๆ ได้

สรุป

ตอนอ่านนี่ผมโดนทุกข้อเลย สมัยก่อนเป็นทุกอย่าง เช่น พยายามจำเป็นคำ ๆ คิดประโยคไทยในหัวแล้วเขียนให้เป็นอังกฤษ ไม่ฝึกฟัง ไม่ฝึกพูด ฯลฯ เพราะฉะนั้นเพื่อการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้เชี่ยวชาญและใช้อย่างถูกต้องต่อไป พยายามฝึกฝนโดยนำกฎ 5 ข้อนี้ไปปฏิบัติตาม ก็น่าจะช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษของเราให้ดีขึ้นมากได้ ส่วนตัวผมก็เริ่มเปลี่ยนมาทำตามที่เขาบอกเกือบทุกข้อล่ะครับ ^^

Comments